หมากล้อมสามหัว ความนัวที่คุณไม่คาดคิด

[หมากล้อมสามหัว ความนัวที่คุณไม่คาดคิด]

เชื่อเหลือเกินว่าหลายๆ คนที่เริ่มเล่นหมากล้อม ก็มักจะลงแข่งประเภทเดี่ยว เล่นตัวคนเดียว คิดเอง เดินเอง อยากเล่นอะไรก็เล่น ไม่ต้องสนใจใคร รับผิดชอบหมากของตัวเองก็พอ
.
การแข่งขันหมากล้อมในความคิดหลายๆ คนจึงติดภาพจำว่าเป็นการแข่งเดียวเท่านั้น (ประเภททีม 3 คน นั่นก็ไม่นับเช่นกัน)
.
แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่ชอบเล่นหมากล้อมร่วมกับคนอื่น อย่างแพร์โกะเป็นต้น การแข่งขันแพร์โกะคือการเล่นคู่กับคนอื่น (คู่ผสม หรือคู่ชาย คู่หญิง ก็ได้) ที่ทำให้การเดินหมากสนุกมากขึ้น เพราะไม่ใช่เดินหมากคนเดียว แต่ต้องเดินไปร่วมกับคู่ของเรา ต้องเดาใจให้ได้ว่าเขาต้องการอะไร กำหนด direction ของเกมให้ได้โดยไม่ต้องใช้ภาษาพูด ถือว่าเป็นการเล่นที่ยากขึ้น แต่ไม่ยากมากหากเปิดใจและรับฟังความคิดที่ถ่ายทอดออกมาจากหมากของคู่เล่นของเรา นับเป็นความสนุกอีกอย่างหนึ่งของการเล่นหมากล้อมประเภทนี้
.
แต่ความสนุกที่เรียกได้ว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ในการเล่นหมากล้อมยิ่งกว่าการเล่นแพร์โกะก็คือการเล่นหมากล้อมสามคนหรือทริปเปิ้ลโกะนั่นเอง ถ้าหากใครคิดว่าการเล่นหมากล้อมเป็นคู่ว่ายากแล้ว ทริปเปิ้ลโกะนั้นเพิ่มความยากและความเยอะเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เนื่องจากจำนวนมือที่เล่นมากขึ้น มีความแตกต่างมากขึ้นกว่าเดิม ถึงขนาดต้องใช้คำว่า “มากคน มากเรื่อง” กันเลยทีเดียว
.
หมากล้อมสามคน เล่นยากจริงหรือ? หมากล้อมสามคนชวนปวดหัวมากกว่าเป็นความสนุกจริงหรือเปล่า?
.
จากการพูดคุยสอบถามความคิดเห็นของนักหมากล้อมที่ลงแข่งขันทริปเปิ้ลโกะมาอย่างต่อเนื่อง ได้ความเห็นว่า “ความสนุกของการเล่นทริปเปิ้ลโกะ คือการที่เราจะไม่สามารถคิดแบบเบ็ดเสร็จได้ เพราะต้องทำความเข้าใจสถานการณ์บนกระดาน ในขณะเดียวกันก็ต้องทำความเข้าใจกับจุดประสงค์ของหมากที่เพื่อนวางลงไป เพื่อเลือกหมากที่เหมาะสมที่สุดได้นั่นเอง” และในส่วนนี้เองที่ทำให้เกิดความสนุกที่หาไม่ได้จากการเล่นประเภทเดี่ยวขึ้นมา
.
ในระยะหลังๆ นี้ เราเริ่มเห็นการแข่งขันประเภททริปเปิ้ลโกะมากขึ้น ในหลายๆ รุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นดั้ง รุ่นคิว หรือแม้กระทั่งการแข่งกระชับมิตรที่มีมืออาชีพมาร่วมเล่นกันด้วยซึ่งก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด และได้แลกเปลี่ยนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะร่วมกัน
.
หมากล้อมทริปเปิ้ลโกะสอนให้เราเข้าใจคนอื่น และได้ลองเล่นหมากล้อมในมุมใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น ถือเป็นอีกรสชาติหนึ่งที่ควรได้ลิ้มลองกันสักครั้ง : )

ที่มา Thai Go Alumni – TGA