ล้วงความลับครูสอบ Verify ทำยังไงถึงจะได้เป็นดั้ง

ล้วงความลับครูสอบ Verify ทำยังไงถึงจะได้เป็นดั้ง

ในการสอบวัดระดับ รุ่นที่สอบผ่านยากและเรียกได้ว่าโหดที่สุด ก็คือรุ่นดั้ง หลายๆ คนอยากจะก้าวข้ามกำแพงนี้ขึ้นไป แต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าติดอะไรสักอย่าง วันนี้เราเลยชวนครูหมากล้อมที่มีประสบการณ์สอบ Verify มาอย่างยาวนานอย่างครูกอล์ฟ กมล สันติพจนา (5 ดั้ง) มาร่วมพูดคุย วิเคราะห์ปัญหา และแนะนำแนวทางการเตรียมตัวก่อนสอบดั้งมาฝากกัน

Q : ปัญหาที่พบเจอบ่อยๆ ของคนมาสอบที่ทำให้ไม่ผ่านคืออะไรบ้าง

A : ถ้ามองแบบภาพรวม สิ่งที่จะทำให้สอบดั้งผ่านมีอยู่ 4 อย่าง ได้แก่ พื้นฐานความรู้ / เทคนิคการเล่น, ทักษะการอ่านหมาก, แนวคิดในการเล่น คอนเซ็ปต์ต่าง ๆ และสุดท้ายสภาพร่างกายและจิตใจ

ทั้ง 4 อย่างนี้มีผลทั้งหมดเลยต่อการสอบ แต่ที่อยากจะพูดก็คือว่า ในเรื่องพื้นฐานความรู้ อย่างเช่น สูตรมุม การเล่นในช่วงกลางเกม การโจมตี การบุก หรือการเล่นในช่วงปิดเกม ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ก็คือ ช่วงเปิดเกมส่วนใหญ่คนที่มาสอบก็จะจำรูปมา จำรูปของโปรมาเล่นแต่ไม่ได้เข้าใจว่าเขาเล่นเพื่ออะไร คือบางทีโจเซกิหรือว่าอะไรต่างๆ ที่เล่นอาจจะไม่ได้ดีเสมอไปก็ได้ ในบางสถานการณ์มันก็อาจจะมีเม็ดที่ดีกว่า ถ้าหากเราเข้าใจเราก็จะตัดสินใจเลือกเองได้ นอกจากการจำ เพราะเรากำลังจะมาถึงในระดับดั้ง เป็นระดับที่มีความรู้ มีประสบการณ์แล้ว มันเหลือแค่ว่าจะเอาไปใช้ยังไง เอาไปเล่นต่อยังไง

ในการสอบ (กับ 5 ดั้ง) ก็จะมีหมากต่อที่จุดดาวอยู่แล้ว 4 เม็ด มันก็ไม่ค่อยมีรูปที่ซับซ้อนอะไรมาก ก็เป็นรูปโจเซกิปกติพื้นฐาน ซึ่งตรงนี้คนที่สอบดั้งเขาก็เรียนรู้กันมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องสูตรมุมก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่

ต่อมาคือช่วงกลางเกม ตรงนี้แหละจะเริ่มมีปัญหาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอ่านหมาก เรื่องรูปร่างหมากที่ไม่ค่อยดี และอีกเรื่องก็คือช่วงปิดเกม คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเรียนเรื่องปิดเกมกัน

Q : เท่าที่เห็น ส่วนมากก็มักจะแพ้ช่วงปิดเกมกัน เป็นเพราะอะไร

A : ใช่ คือตอนเปิดเกม มันก็ประคองไปได้อยู่แล้วถูกมั้ย กลางเกมก็ทนๆ ไปหน่อย คืออาจจะมีขาดทุนบ้าง แต่ก็อาจจะนำอยู่ 5-10 แต้ม แต่ทีนี้สิ่งที่ตัดสินก็คือช่วงปิดเกมเลย คือมันไม่ได้ยากแต่เหมือนมันเป็นความรู้มากกว่า คือปกติตอนสอบคนส่วนใหญ่มักจะเดินรับทุกเม็ดเลย เพราะรู้สึกว่าครูที่มาสอบเขาฝีมือสูงกว่า เขาเดินอะไรมาเราก็รับหมด เพราะฉะนั้นแต้มมันก็จะลดไปเรื่อยๆ หายไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็แพ้ ซึ่งการเดินปิดเกมมันก็เป็นอะไรที่สำคัญมากเหมือนกัน

Q : มันเป็นความกลัวด้วยหรือเปล่า ว่าเขาเป็นไฮดั้ง หมากที่เขาเดินนั้นน่ากลัวจังเลย

A : ใช่ๆ รู้สึกว่าต้องรับทุกเม็ดเลย แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่ต้องรับก็ได้ จริงๆ แล้วพื้นฐานของการปิดเกม เม็ดปิดเกมที่มันใหญ่จะมีอยู่หลายๆ เม็ดใช่มั้ย มีหลายชอยส์ มีหลายตัวเลือก สมมติว่ามีอยู่ 4 จุด ครูสอบเล่นเม็ดใหญ่ไป 1 จุด เราก็ควรเล่นจุดที่ 2 ถูกมั้ย แล้วก็สลับกันไปอีกคนละจุด ก็จะเท่าๆ กัน แต่ในความเป็นจริงก็คือ พอครูสอบเดินจุดใหญ่เม็ดแรก เราก็รับ เดินจุดใหญ่เม็ดที่ 2 เราก็รับ เม็ดที่ 3 ก็รับ เม็ดที่ 4 ก็ยังรับอีก สุดท้ายเราไม่ได้เดินจุดใหญ่สักเม็ดเลย ก็เลยทำให้แต้มไม่พอ และแพ้ไป

Q : อันนี้สังเกตเห็นเยอะมาก หลายๆ คนเป็นแชมป์ไฮคิวมาก็เยอะ หรือชนะดั้งได้ก็มี แต่ทำไมถึงยังสอบดั้งไม่ผ่านสักที

A : อย่างที่บอกไปตอนแรก 4 เรื่องสำคัญ พื้นฐานความรู้ เปิดเกม กลางเกม โอเคแล้ว ก็คือผ่านในข้อแรก เรื่องต่อมาคืออ่านหมาก อย่าง 1 ดั้ง ไม่จำเป็นต้องอ่านหมากได้ถึง 20 ตาก็ได้ จริงๆ อ่านประมาณ 10 ตาได้ก็โอเคแล้ว อ่านหมาก life & death ณ ตอนนั้นได้ก็โอเคแล้ว แต่ที่สำคัญที่สุดคือแนวคิดในการเล่น เป็นเรื่องของ mindset

คนที่เป็นคิว ถ้าสอบผ่านดั้งมาได้แล้วจะรู้ว่าแนวคิดบางอย่าง การมองภาพรวมของเกม หรือการตัดสินใจบางอย่างของเราจะเปลี่ยนไป คนที่เป็นคิวส่วนใหญ่จะชินกับการจับกิน ชินกับการต่อสู้เป็นกลุ่มเล็กๆ เพราะฉะนั้นเขาก็จะทุ่มทรัพยากร ทุ่มเม็ดหมากลงไปที่จะกิน หรือเพื่อจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งอย่างเช่นการโจมตีที่รุนแรง ฯลฯ แต่บางครั้งก็ทำให้ขาดเรื่องการมองภาพรวม ซึ่งส่งผลให้แพ้ไปในกระดานนั้น

แต่มันก็มีอยู่ 2 สายนะ คือเดินหมาก aggressive เกินไป ก้าวร้าวเกินไป รุนแรงเกินไป ก็มีปัญหาเรื่องแผลตัดอะไรตามมาทีหลัง กับแบบที่ 2 คือเดินหมาก passive เกินไป กลัวเกินไปทำให้เราขาดทุน เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้สมดุลระหว่าง 2 อย่างนี้ให้เท่าๆ กัน

Q : สมมติให้เลือก mindset สำคัญ 1 ข้อที่คนสอบผ่านควรต้องมี คืออะไร

A : หมากล้อมไม่ต้องเล่นรูปยาก หรือรูปที่มันรุนแรงก็ได้ คือเล่นให้มันสมดุลระหว่างพื้นที่กับอิทธิพล พยายามประคองทั้งสองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เกมของเราก็จะได้เปรียบไปเรื่อยๆ เพราะว่าเรามีหมากต่ออยู่แล้วตั้ง 4 เม็ด เราไม่ต้องทำอะไรที่มันซับซ้อนเกินไป มันก็จะไม่เกิดสถานการณ์ที่วุ่นวาย บางครั้งเราทุ่มเทไปที่การสู้เยอะไปแล้วสุดท้ายโดนจับกิน เกมนั้นมันก็เล่นยากแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องเดินรับเกินไป รับเท่าที่ควรรับ อะไรที่ทิ้งได้ก็ทิ้ง มันก็จะทำให้เราเล่นได้ดีขึ้น

ก็คือไม่ต้องกลัว แต่ก็ไม่ต้องดุมาก บางคนอาจจะคิดว่าเรามีหมากอยู่ก่อนตั้ง 4 เม็ด เราต้องกินเขาให้ได้ อะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้บอกนะว่าทำแบบนั้นไม่ได้ เป็นแค่คำแนะนำเฉยๆ ว่าเราควรเล่นให้มันสมดุล แต่ถ้าหากเราอ่านหมากเก่งมากจริงๆ เราอาจจะทำแบบนั้นก็ได้ จะเดินสู้แบบรุนแรงแล้วตัดสินไปเลยก็ได้ ถ้ากินได้เราก็ชนะ แบบนั้นก็ได้เหมือนกัน

Q : เคยไหมที่เล่นไปสักพักแล้วรู้สึกเลยว่าคนนี้ยังไงก็ผ่าน

A : มีนะ มองในมุมของครูสอบมันจะกดดันมากๆ ตอนช่วงเปิดเกมกับกลางเกม เพราะสถานการณ์มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับสีขาวอยู่แล้ว หมากต่อมันกดดันเรามาก เราก็ลองเทสต์ไปก่อนว่าเล่นแบบนี้เขาจะรับมายังไง คือจริงๆ การเล่นหมากต่อ ถ้าหมากดำไม่เพลี่ยงพล้ำหรือพลาดเอง โอกาสแพ้น้อยมาก ฝ่ายสีขาวต้องรอให้สีดำพลาดจริงๆ ถึงจะมีโอกาส คือจริงๆ หมากบางเม็ดไม่สามารถเดินได้ แต่หมากดำทำให้มันอ่อนแอหรือทำให้ตัวเองเสียเปรียบเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราเดินแข็งแรง ป้องกันได้ดี หรือชิงจังหวะได้ดี เราก็จะประคองเกมได้ดีมาก

Q : ส่วนมากจะเล่นจนจบมั้ย หรือว่าถ้ามีโอกาสผ่านก็ให้ผ่านเลย

A : ถ้าแต้มตามก็จะยอม แต่ต้องเป็นเกมที่ไม่มีโอกาสพลิกแล้วนะ หรือไม่พอจริงๆ ก็อาจจะเทสต์อีกสักทีว่าเป็นยังไง พอจะเล่นต่อได้มั้ย ถ้าเล่นต่อไม่ได้ก็อาจจะยอมแล้ว

Q: แล้วระหว่างสอบ Verify กับไฮดั้งและเหล่าซือสุจินต์ต่างกันยังไง

A : การสอบกับเหล่าซือ ได้หมากต่อเยอะขึ้น (8 เม็ด) ก็จริง ในความรู้สึกมันก็เหมือนกับว่าเราสอบ 8 คิวใช่มั้ย เรามีเม็ดเยอะก็จริงแต่ก็ต้องแลกกับการที่เขาเดินโจมตีและมีความรู้เรื่อง life&death ที่ดีมากๆ ถ้าโดยส่วนตัวแล้วจะชอบเล่นเม็ดต่อเยอะๆ มากกว่า เพราะว่าสุดท้ายผลลัพธ์มันอยู่ที่เรา ถ้าเกิดว่าเราสามารถประคองเกมไปได้ สามารถเดินเม็ดที่ถูกต้อง ณ เวลานั้นไปได้เรื่อยๆ เราก็มีโอกาสชนะ เว้นแต่ว่าเราไปผลีผลาม ไปสู้แล้วตายกลุ่มใหญ่ มันก็จบ

แต่เรื่องความยากนี่พูดยากนะ เพราะว่าเขาเก่งกว่า 5 ดั้งเยอะ แต่ว่าเม็ดต่อมันก็เพิ่มขึ้นเยอะตามไปด้วย มันก็อาจจะใกล้เคียงกัน แต่ตอนที่เราเล่นกับเหล่าซือสุจินต์จะรู้สึกว่ามันกดดันมาก เพราะว่าทุกเม็ดที่เขาเดินมาเราน่าจะต้องรับเกือบ 100% เลย ถ้าไม่รับก็จะโดนปัญหาอะไรตามมาเยอะเลย เพราะเราไม่เห็นเม็ดต่อๆ ไปหลังจากนั้นเลย คือเขาอ่านไปได้ไกลมาก เพราะฉะนั้นมันอาจจะพลาดไปตรงที่หมากบางเม็ดเราคิดว่าไม่ต้องรับก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเม็ดนี้มันมีปัญหาอยู่

Q: ถ้าหากว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนจะสอบ ควรเตรียมตัวยังไงดี

A : สิ่งที่ต้องทำก็คือทำโจทย์ทุกๆ วันอยู่แล้ว แต่ถ้าหากใกล้ๆ สอบก็อยากให้เตรียมตัวเรื่องเทคนิคการเล่น การเล่นปิดเกม เทคนิคการบุกต่างๆ รวมไปถึงทบทวนสูตรมุมจุดดาวก็มีไม่เยอะหรอก แล้วก็ดูรูปใหม่ๆ ด้วยที่เขาเล่นกัน อีกอย่างคือเรื่องของสภาพร่างกายและจิตใจ เราต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วย อย่าไปโหมทุ่มก่อนสอบวันเดียว คืนเดียว ทำโจทย์รัวๆ แบบไม่นอนแล้วไปสอบเลย ร่างกายอาจจะรับไม่ไหว เราก็ทำโจทย์ ซ้อมเล่น ทบทวนความรู้ไปเลย แต่สองวันสุดท้ายก่อนสอบก็พักผ่อนให้เต็มที่ไปเลย

Q : มีอะไรอยากจะฝากถึงคนที่จะสอบดั้งในงานสอบวัดระดับที่จะถึงนี้หรือคนที่จะสอบดั้งในอนาคตมั้ยครับ

A : จริงๆ เรื่องนี้อยากพูด คือมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับโกะโดยตรงนะ คือเคยมีผู้ใหญ่พูดเอาไว้ การสอบผ่าน 1 ดั้งมันเป็นเพียงประตูแรก เปรียบเหมือนกับเราเรียนจบปริญญาตรี คือตอนที่เราเป็นเด็ก การเรียนจบมหาวิทยาลัยเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเพียงก้าวแรกสู่โลกของการทำงานเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็อย่าไปยึดติดกับการเป็น 1 ดั้ง คือมันก็เป็นแค่ประตูหนึ่งที่เราจะผ่านเข้าไป สุดท้ายพอเป็น 1 ดั้งแล้วเราก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ไม่อยากให้โฟกัสว่าต้องผ่าน 1 ดั้ง หรือว่าสอบไม่ผ่านเลยรู้สึกท้อแท้ เฟล คือบางคนอาจจะสอบไม่ผ่าน แต่ว่าฝีมือถึงหรือเกินไปแล้วก็ได้

แล้วก็เคยได้ยินคนพูดมาเหมือนกัน เขาบอกว่ามีเด็ก 2 คน มีอยู่คนนึงเก่งกว่า แต่สอบดั้งไม่ผ่าน อีกคนนึงอ่อนกว่า เวลาแข่งกับเด็กคนแรกก็แพ้ตลอด แต่กลับสอบผ่าน คือไม่อยากให้มองอย่างนั้น อยากให้มองว่า ณ เวลานั้นเราทำได้ดีหรือเปล่า มันเป็นเรื่องของจังหวะและหลายๆ อย่างมาประกอบกัน คือมันไม่ได้มีสูตรสำเร็จว่าเราเรียนมาแบบนี้ แล้วเราจะสอบผ่าน 1 ดั้งได้เลยทันที มันอยู่ที่ว่า ณ ตอนนั้นเราสามารถทำได้ดีแค่ไหน หรือว่าตอนนั้นเราสามารถควบคุมจิตใจได้ดีหรือเปล่า

ในที่ 4 ข้อที่บอกไป เรื่องของสภาพร่างกายและจิตใจก็สำคัญ ถ้าเราป่วย หรือ ณ ตอนนั้นมีเรื่องที่ต้องให้คิด ให้เครียด ก็อาจจะทำให้เขวหรือไม่มีสมาธิได้ หรือบางอย่างตอนเล่นเรามีอารมณ์เข้ามา โลภ โกรธ อะไรต่างๆ มันก็ทำให้หมากที่เราเล่นมันไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงที่จะควรเล่นได้จริงๆ ก็ต้องควบคุมอารมณ์ด้วย หลายๆ อย่างประกอบกัน คือสุดท้ายเราควรฝึกฝนเพื่อให้รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ เราควรทำอะไร ซึ่งไม่ได้บอกว่าทางไหนดีที่สุด มันก็มีหลายทางเลือก แต่ทางเลือกไหนล่ะที่เราทำได้ดีมากกว่ากัน ก็อยากให้เล่นในสไตล์ของตัวเองแล้วก็ไม่ฝืนธรรมชาติของหมากจนเกินไป สุดท้ายนี้ขอให้น้องๆ ทุกคนโชคดีในการสอบนะครับ

ที่มา Thai Go Alumni – TGA